
โธมัส มุลเลอร์ แนวรุกจอมเก๋าของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค มีความสุขกับการนำแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน กลับมายังสนามอัลลิอันซ์ อารีน่า อีกครั้ง ในเกมนัดสุดท้ายปิดฉากช่วงเวลา 25 ปีกับสโมสร
ก่อนหน้านี้แข้งวัย 35 ปี ได้ประกาศอำลาทีมเมื่อหมดสัญญาหลังจบฤดูกาลนี้ โดยตั้งเป้าหมายอยากที่จะพาทีมคว้าแชมป์ส่งท้าย หลังเสียแชมป์ในซีซั่นที่ผ่านมาให้กับ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
เขาถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนัดสุดท้ายที่อันลิอันซ์ อารีน่า ในการเปิดบ้านพบกับ “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ก่อนจะเอาชนะไปได้ 2-0 จากการทำประตูของ แฮร์รี่ เคน และไมเคิ่ล โอลิเซ่
โดยในเกมดังกล่าว มุลเลอร์ ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม 83 ของการแข่งขัน มีการยืนปรบมือจากแฟนบอลทั้งสนาม รวมไปถึงผู้ตัดสินอย่าง สเวน ยาโบลสกี้ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาคือตำนานไม่เพียงแค่ บาเยิร์น มิวนิค แต่ยังรวมถึงบุนเดสลีกาด้วย
“เราทุกคนต่างรู้ดีกว่าช่วงเวลาเหล่านี้จะมาถึง ผมมีความสุขที่เราได้นำแชมป์กลับมายังมิวนิค การแสดงความชื่นชมของทุกคนต่อผมนั่นคือสิ่งที่พิเศษมากตลอดระยะเวลา 25 ปีกับสโมสรแห่งนี้” มุลเลอร์ กล่าว
“สนามแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนเสมอมา และการพัฒนาของสโมสรนั้นน่าประทับใจมาก ผมมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน เราไปถึงจุดสูงสุดของวงการฟุตบอลยุโรป อยากจะขอบคุณผู้คนที่ร่วมเดินทางกับผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
“ผมคงคิดถึงความรู้สึกเมื่อยิงประตูในสนามแห่งนี้ต่อหน้าแฟนบอลเต็มสนาม รวมไปถึงสายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมทีม และโค้ช”
นอกจากนี้ มุลเลอร์ ยืนยันว่าเขาไม่เคยรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่ แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่จะคอยซัพพอร์ททีมตลอดไป
“สโมสรสามารถมองไปยังอนาคตในทิศทางบวกได้ เรามีนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีมากมายที่กำลังกระหายชัยชนะและพร้อมทุ่มเทให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ต้องอำลาทีม แต่กลับกันกำลังตั้งตารอสิ่งที่จะเกิดขึ้น แม้ว่าจะมีผมหรือไม่ก็ตาม แต่ตอนนี้เรามาร่วมฉลองกันเถอะ”
สำหรับ โธมัส มุลเลอร์ อยู่กับทีมมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เทิร์นโปรเล่นให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2008 จากนั้นก็กลายเป็นตัวหลักของทีมเสมอมา ลงสนามไปทั้งหมด 750 เกมในทุกรายการ ทำไป 248 ประตู และ 222 แอสซิสต์
ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน 13 สมัย ถือเป็นสถิติสูงสุด เดเอฟเบ โพคาล 6 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และชิงแชมป์สโมสรโลกอย่างละ 2 สมัย นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติเยอรมัน เมื่อปี 2014 ด้วย