อาร์เน่อ สลอท กุนซือของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มองว่าอาการบาดเจ็บในช่วงต้นเกมเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกทีม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เคลื่อนไหวได้ช้าลงก่อนทำฟาวล์ในตำแหน่งตัวสุดท้ายจนถูกไล่ออกจากสนามในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เปิดบ้านเสมอกับ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม 2-2
โดยในเกมนี้ อันเดรียส เปเรยร่า ซัดให้กับทีมเยือนขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 11 สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ย่ำแย่กว่าเดิมเมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จับบอลลั่น ก่อนจะไปรวบ แฮร์รี่ วิลสัน ที่กำลังจะหลุดเดี่ยว ผู้ตัดสินใจควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ทำให้ "หงส์แดง" ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน ตามหลัง 0-1 ตั้งแต่นาทีที่ 17 ของการแข่งขัน
อย่างไรก็ตามครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากโคดี้ กัคโป นาทีที่ 47 โมเมนตั้มกำลังมา แต่ก็มาโดน โรดริโก้ มูนิซ ที่ลงมาเป็นสำรองซัดให้ฟูแล่มขึ้นนำอีกครั้ง 2-1
ก่อนที่ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 86 ดีโอโก้ โชต้า ที่สลัดอาการบาดเจ็บลงมาเป็นสำรองสวมบทซูเปอร์ซับ ซัดประตูตีเสมอ 2-2 จบเกมด้วยการแบ่งไปทีมละ 1 คะแนน
"ผมไม่สามารถขออะไรจากลูกทีมได้มากไปกว่านี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสถานการณ์ที่เราต้องเหลือผู้เล่น 10 คน มันทำให้ผมมิบังอาจเรียกร้องฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันที่ดีกว่านี้" สลอท กล่าว
"แน่นอนว่าเราสามารถเก็บแต้มได้มากกว่า 1 คะแนน แต่เราต้องเริ่มต้นด้วยความเข้มข้น ร็อบโบ้ ลงไปกองกับพื้นตั้งแต่ 30 วินาที ผมคิดว่าเขามีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย และอาจจะเล่นต่อไม่ไหว เพราะปกติแล้วเขามีสปีดที่รวดเร็วกว่านี้"
"แต่การที่เขายืนยันว่าต้องการอยู่ในสนามต่อไปก็สามารถบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเขา แต่สุดท้ายมันกลายเป็นใบแดง ผมคิดว่าจังหวะนั้นอาจจะล้ำหน้า แต่ก็ชัดเจนว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจจะเป็นเรื่องเดียวที่ผมจะไม่บ่นในเกมนี้
“มันเป็นเกมที่เต็มไปด้วยอารมณ์ เราเสียผู้เล่นไป 1 คน มันน่าหงุดหงิดนะ แต่อีกมุมผมก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นฟอร์มการเล่นของนักเตะที่เหลืออยู่ หลังต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายครั้ง"
"สำหรับผม มันเป็นการตัดสินที่ค่อนข้างยาก เพราะผมก็เห็นเหตุการณ์เรียลไทม์แบบผู้ตัดสิน แต่เราต้องยอมรับในสิ่งที่ VAR บ่งชี้ออกมา แน่นอนว่าทุกคนรู่ว่าการตัดสินแต่ละครั้งมีความสำคัญแค่ไหน สุดท้ายจบด้วยผลเสมอ และเราไม่อาจโทษผู้ตัดสินได้"
ผลเสมอในเกมนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มได้แค่ 1 คะแนน มี 36 แต้ม จากการลงเล่น 15 นัด ยังคงรั้งจ่าฝูงของตาราง โดยมี เชลซี ตามหลังอยู่ 5 คะแนน และคืนนี้ทีม “สิงห์บลูส์” จะเปิดบ้านดวลกับ “ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด