ศึกพรีเมียร์ลีก “ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์” ประจำวันอาทิตย์ เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของอาร์เซน่อล
เกมนี้ พลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” จัดชุดที่ดีที่สุดลงสนาม แนวรุกนำมาโดย เนโต้, โคล พาลเมอร์, โนนี่ มาดูเอเก้ และนิโคลัส แจ็คสัน
ขณะที่ทัพ “เดอะ กันเนอร์ส” หวังมาเก็บแต้มกลับออกไปเช่นเดียวกัน ด้วยการวาง 3 ประสานแดนหน้าอย่างบูกาโย่ ซาก้า, ไค ฮาแวร์ตซ์ และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่
ครึ่งแรกนาที 2 เชลซี เปิดฉากบุกก่อนเลย โคล พาลเมอร์ ได้บอลหน้าเขตโทษ ก่อนยิงด้วยซ้ายแบบเต็มข้อ เดือดร้อนถึง ดาบิด ราย่า ต้องออกแรงปัดข้ามคานไป
นาที 32 อาร์เซน่อล เกือบเป็นฝ่ายพลิกออกนำ จากจังหวะที่แนวรับของเชลซี ยังไม่จัดระเบียบเกมรับ เดแคลน ไรซ์ เล่นฟรีคิกเร็ว ด้วยการแทงเข้ากรอบให้ ฮาแวร์ตซ์ หลุดเข้าไปจิ้มด้วยขวา ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย แต่ว่า VAR ตัดสินว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า
จากนั้น ทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรก สกอร์ยังนิ่งอยู่ที่ 0-0
ครึ่งหลังนาที 53 เชลซี เกือบได้ประตู โนนี่ มาดูเอเก้ โยนบอลจากทางซ้าย เข้าไปในกรอบเขตโทษ บอลมาถึงเวสเล่ย์ โฟฟาน่า ที่เบียดชนะซาลีบา ก่อนแหย่เท้าจิ้มบอล อย่างไรก็ตาม บอลไปตกหลังตาข่ายอย่างเสียดาย
กระทั้งนาที 60 อาร์เซน่อล ชิงออกนำ 1-0 จากจังหวะต่อบอลไปมาหน้ากรอบ ก่อนที่โอเดการ์ด จะโยนย้อนไปทางเสาสอง บอลเลยมาถึงมาร์ติเนลลี่ ตัดสินใจยิงเร็วยัดมุมแคบเข้าไป
อย่างไรก็ตาม นาที 70 เชลซี ตีเสมอ 1-1 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ ไหลขึ้นหน้าให้กับเนโต้ ก่อนจัดสินใจอัดด้วยซ้ายแบบเต็มข้อ แถวบริเวณหัวกระโหลก ส่งบอลซุกก้นตาข่ายอย่างสวยงาม
ช่วงทดเจ็บนาที 90+6 อาร์เซน่อล ทิ้งโอกาสทองฝังเพชรไป เมื่อพวกเขาลำเลียงเกมขึ้นมาทางซ้าย และจ่ายตัดเข้ากลาง อย่างไรก็ตาม เลอันโดร ทรอสซาร์ เข้าชาร์จจ่อๆพลาดไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
จากนั้น ทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกมเสมอกันไป 1-1 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน
จากผลการแข่งขันในเกมนี้ ทำให้เชลซี ก้าวไปรั้งอันดับ 3 ด้วยการมี 19 คะแนน จากการลงเตะ 11 เกม ส่วนอาร์เซน่อล ตามมาที่อันดับ 4 ด้วยคะแนนเท่ากัน แต่ลูกได้เสียเป็นรอง
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปของเชลซี คือการออกไปเยือนเลสเตอร์ ซิตี้ ในเกมลีก วันเสาร์ที่ 23 พ.ย ส่วนอาร์เซน่อล กลับไปเล่นในบ้านเจอกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในวันเดียวกัน