มิเกล โอยาร์ซาบัล ลงสำรองซัดประตูชัยในช่วงท้ายเกมพา “กระทิงดุ” สเปน เฉือนเอาชนะ “สิงโตคำราม” อังกฤษ 2-1 ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 2024 และเป็นสมัยที่ 4 ของพวกเขา
โดยในเกมนี้ สเปน แชมป์ 3 สมัย ได้ ดานี่ การ์บาฆาล และโรบิน เลอ นอร์มองด์ พ้นโทษแบนกลับมาได้ลงสนามตัวจริงทันที ส่วน อังกฤษ ที่ยังไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ยึดระบบ 3-4-2-1 ปรับหนึ่งตำแหน่งส่ง ลุค ชอว์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง
เริ่มเกมครึ่งแรก สเปน เป็นฝ่ายครองบอลเดินหน้าบุกเข้าใส่ ขึ้นทางริมเส้นฝั่งซ้ายเป็นส่วนใหญ่ แต่เกมรับของ อังกฤษ ยังจัดการได้ดี ไม่เปิดโอกาสให้ได้ส่งประตูแบบโล่ง ๆ ผ่าน 30 นาทีแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0
อังกฤษ ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะฟรีคิกของ ลุค ชอว์ บอลล้นไปเสาสองเข้าทางของ ฟิล โฟเด้น ได้ตวัดด้วยซ้ายแต่เท้าสุดเหยียดเลยไม่ถนัด ทำให้ไม่มีน้ำหนักเข้ามือ อูไน ซิมอน แบบไม่มีปัญหา ทำให้จบครึ่งแรกยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอ 0-0
กลับมาเล่นครึ่งหลัง สเปน เจอข่าวร้ายปรับทัพกลางครันเสีย โรดรี้ มิดฟิลด์คนสำคัญที่ปัญหาอาการบาดเจ็บต้องส่ง มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ลงไปเล่นแทน
แต่เล่นมาแค่ 2 นาที เป็น สเปน ที่ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะขึ้นเกมทางขวา ลามีน ยามาล ลากตัดในก่อนจะจ่ายไปทางซ้ายให้กับ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ยิงเลียดบอลเสียบเสาสองเข้าไป
หลังถูกยิงขึ้นนำ อังกฤษ เสียกระบวนอย่างชัดเจนปล่อยให้ สเปน สร้างสรรค์โอกาสได้ลุ้นอยู่ 2-3 ครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอ ก่อนที่พวกเขาจะแก้เกมด้วยการถอน แฮร์รี่ เคน ส่ง โอลลี่ วัตกิ้นส์ ลงไปเล่นแทน
นาทีที่ 73 อันาทีที่ 73 อังกฤษ กลับมาสู่เกมได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะสวนกลับทางขวา จู๊ด เบลลิ่งแฮม รับบอลจาก บูคาโย่ ซาก้า ก่อนจะแตะคืนกลับมาให้ตัวสำรอง โคล พาลเมอร์ ยิงด้วยซ้ายบอลแฉลบเปลี่ยนทางเสียบมุมเข้าไป
หลังโดนตีเสมอ สเปน เดินหน้าบุกเข้าใส่เหมือนเดิมนาทีที่ 86 พวกเขามาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 จากจังหวะขึ้นเกมจากหน้าปากประตูของตัวเองบอลขึ้นมาทางซ้าย มาร์ค คูคูเรลญ่า เปิดให้กับตัวสำรอง มิเกล โอยาร์ซาบัล ชาร์ต เข้าไป เช็ก VAR แล้วผ่านไม่ล้ำหน้า
จากนั้น อังกฤษ เกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวะเตะมุม เดแคลน ไรซ์ ได้โขก อูไน ซิม่อน เซฟบอลมาเข้าทาง มาร์ค เกฮี โขกซ้ำ แต่ ดานี่ โอลโม่ ก็สกัดออกมาจากเส้นได้อีก
ช่วงเวลาที่เหลือ “สิงโตคำราม” พยายามทวงประตูคืน แต่ไม่มีจังหวะได้จบเลย ทำให้จบเกม สเปน เอาชนะ อังกฤษ 2-1 คว้าแชมป์ยูโรไปครองเป็นสมัยที่ 4 มากที่สุดตลอดกาลแซงหน้าเยอรมัน
11 ผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม
สเปน (4-2-3-1) : อูไน ซิมอน, ดานี่ การ์บาฆาล, โรบิน เลอ นอร์มองด์, อายเมริค ลาปอร์ก, มาร์ค คูคูเรลญ่า, โรดรี้, ฟาเบียน รุยซ์, ลามีน ยามาล, ดานี่ โอลโม่, นิโก้ วิลเลี่ยมส์ และอัลบาโร่ โมราต้า
อังกฤษ (3-4-2-1) : จอร์แดน ฟิคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, บูคาโย่ ซาก้า, ค็อบบี้ เมนู, เดแคลน ไรซ์, ลุค ชอว์, จู๊ด เบลลิ่งแฮม, ฟิล โฟเด้น และแฮร์รี่ เคน